ตำนานพระแก้วดอนเต้านี้เป็นตำนานที่นิยมสร้างและเทศน์มากเรื่องหนึ่ง
ซึ่งมีใจความโดยสรุปดังนี้
ในครั้งที่พระพุทธเจ้าสถิตอยู่ในป่าเชตวันพร้อมด้วยพระภิกษุ ๕๐๐ รูป
ทรงตรัสเทศนาถึงครั้งที่ทรงเกิดเป็นนกแขกเต้าอยู่ป่าหิมพานต์
ว่าดังนั้นก็ทรงนำภิกษุ ๕๐๐ รูป ไปยังเมืองยักษ์แล้วทรงบันดาลให้เกิดความมืดมัว
มีฝนตกลงมา เหล่ายักษ์ทั้งหลายก็รู้สึกหนาวจึงยกมือไหว้ว่าคงเป็นผู้มีบุญ
แล้วอาราธนาให้ประทับนั่งอยู่ม่อนดอนเต้า
พระพุทธเจ้าจึงเนรมิตให้ที่นั้นงดงามดุจป่าเชตวันและเทศนาธรรมจักรกัปปวัตนสูตรแก่หมู่ยักษ์
ยามนั้น ท้าวจตุโลกบาล พระญาอินทา
และเทวดาทั้งหลายก็มาชุมนุมกันฟังธรรมจนบรรลุธรรมในระดับต่างๆ
หมู่ยักษ์ก็ไม่เบียดเบียนทำร้ายกัน พระพุทธเจ้าจึงสั่งเหล่าเทพว่า
ที่นั้นเป็นที่อันประเสริฐ ให้ชื่อว่าม่อนดอนเต้า เป็นที่บรรจุพระเกษาธาตุ
พระอินทร์ได้เนรมิตให้เกิดหลุมลึก ๑๐๐ วา แล้วเอาไหแก้ว ๗ ประการ จากเมืองอุตตรกรุทวีป
พระพรหมนำทองคำจากอมรโคยาน ๘ แสนคำ ท้าวทั้ง ๔ ไปเอาเงินจากเขาไกรลาศ
มาบรรจุพร้อมกันกับพระเกษาธาตุ
พระพุทธเจ้าจึงตรัสทำนายว่า
ในภายหน้าที่นั้นจะเป็นบ้านเมืองมีพระยาชื่อท้าวอโศกธรรมิกราช มหาอานันทะจะนำพระธาตุไตและหัวใจมาบรรจุไว้ที่นี่
ท้าวอโศกธรรมิกราชจะก่อเจดีย์ให้เมืองกุกุฎนคร(ลำปาง)รุ่งเรือง หลังจากนั้นอีก
๕๐๐ ปี ผู้คนจะละทิ้งวัตรปฏิบัติ เจ้าเมืองไม่บูชาบำรุงรักษามหาเจดีย์ธาตุ
บ้านเมืองจะแร้นแค้น เมื่อผ่านไป ๘๐๐ ปี
จะมีศิษย์แห่งตถาคตชื่อชมพูจิตตะมาเป็นเจ้าเมือง จะบำรุงสร้างมหาธาตุให้ใหญ่โต
สร้างมหาวิหารทางตะวันออก สร้างพระพุทธรูปนอนมีหลังคามุงทางตะวันตก
บ้านเมืองจะรุ่งเรืองมาก
ต่อมาอีก ๑๐๐๐ ปี ผู้คนจะละทิ้งซึ่งวัตรปฏิบัติอีก
ศิษย์แห่งพระตถาคตจะมาเกิดอีก ได้บวชเป็นภิกษุและมีเทวดาองค์หนึ่งลงมาเกิดเป็นอุปฐากชื่อสุชาดา
นางประสงค์จะสร้างพระพุทธรูปเจ้า แต่หาคนสลักพระพุทธรูปไม้จันทน์แดงไม่ได้
ยังมีพญานาคตนหนึ่งได้นำแก้วมรกตจากเมืองนาคใส่ไว้ในลูกแตงโม
เมื่อนางสุชาดาลงไปในสวนเห็นว่างดงามดีจึงเด็ดไปถวายพระมหาเถร
เมื่อผ่าดูปรากฏแก้วมรกตนั้น จึงจะนำมาสลักเป็นพระพุทธรูป
แต่สลักเท่าไหร่ก็ไม่ได้ พระอินทร์จึงแปลง เป็นชายแก่เข้ามาถาม
ขณะพระมหาเถรลุกไปหามีดพร้ามาให้ชายแก่นั้น
พระอินทร์ก็เนรมิตแก้วมรกตนั้นกลายเป็นพระพุทธรูปแล้วหายไป
ข่าวนี้ก็เลื่องลือไปทั่ว คนก็หลั่งไหลมาบูชาพระพุทธรูปที่นั่น จึงได้ชื่อว่า
วัดพระแก้ว ถึงกระนั้นก็มีเสียงเล่าลือว่านางสุชาดากับมหาเถรทำมิจฉาจารกัน
ข่าวนี้ถึงหูเจ้าเมืองใจบาป จึงสั่งให้นำนางสุชาดาไปฆ่าเสีย
นางจึงอธิษฐานว่าหากได้กระทำผิดจริงก็ขอให้เลือดตกลงบนพื้นดินแต่หากไม่ได้กระทำผิดขอให้เลือดพุ่งสู่อากาศ
ซึ่งเมื่อประหารแล้ว
โลหิตจากคอของนางก็พุ่งขึ้นสู่อากาศพระอินทร์ก็นำถาดทองมารองรับเลือดของนางแล้วนำไปไว้ที่พระเกศแก้วจุฬามณี
ผู้คนทั้งหลายเห็นนิมิตนี้ก็นำไปบอกกล่าวแก่เจ้าเมือง
เจ้าเมืองรู้สึกสังเวชใจจึงอกแตกตายแล้วไปรับกรรมในนรก
นางสุชาดาก็ไปเกิดในสวรรค์
ยามนั้นเมืองกุกุฎนครจะแร้นแค้น
ผู้คนจะอพยพออกไปเนื่องจากเจ้าเมืองและคนทั้งหลายไม่ได้บำรุงพระธาตุ
เมื่อผ่านไปได้ ๑๒๒๐ ปี ลูกศิษย์แห่งตถาคตจะมาเกิด ผู้หนึ่งจะเป็นเจ้าเมือง
ผู้หนึ่งเป็นเสนาอำมาตย์ เศรษฐี คหบดีต่างๆ เขาทั้งหลายจะมาสร้างพระมหาธาตุ
ก่อกำแพง สร้างศาลาบาตร บันไดนาค อาราม และพระพุทธรูปนอนใหม่
เมื่อศาสนาผ่านไปได้ ๑๒๘๐ ปี วัดพระแก้วเวียงดินจะเจริญรุ่งเรืองกว่าเดิม
คนทั้งหลายจะหลั่งไหลกันมาร่วมสร้างพระมหาธาตุ มีการสมโภชในวันเพ็ญ เดือน ๘
ทุกปี บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง ผู้ใดอยากเห็นพระศรีอาริยเมตไตรเจ้าก็ให้พากันสร้างมหาธาตุจำศีลภาวนาในวัดดอนแก้ว
ท่านจงจำคำเทศนาแล้วเทศนาสืบต่อกันไป
ผู้ใดสร้างธรรมตำนานดอนเต้า และเขียนด้วยมือตนภายหน้าจะถึงอรหันต์
ปรารถนาสิ่งใดก็จะได้ดังใจ หากบุคคลใดเขียนตำนานเป็นทานแล้ว
นิมนต์พระสงฆ์มาเทศนามีเครื่องบูชาแล้วหยาดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตาย
ผู้นั้นก็จะได้ไปเกิดในสวรรค์ และสามารถช่วยผู้ตายที่ตกนรกให้พ้นบาปได้
ที่นั้นเป็นที่อันประเสริฐ ให้ท่านทั้งหลายช่วยกันบำรุงรักษามหาธินะธาตุเจ้าตราบเท่า
๕๐๐๐ ปี ว่าแล้วพระพุทธเจ้าก็พา อรหันต์ทั้ง ๕๐๐ องค์กลับสู่ป่าเชตวัน
(เรียบเรียงจาก ขวัญเรือน ตาจุมปา) |